Life is your choices - ชีวิตอยู่ที่เราเลือก
![Life is your choices - ชีวิตอยู่ที่เราเลือก](/content/images/size/w960/2024/02/Screenshot-2567-02-23-at-23.20.53.png)
บทความนี้ผมจะมาแชร์เนื้อหาที่ได้ไปพูดในงาน Duck Con 2023 ของเพจ DataRockie ที่มีคนมาร่วมงานกว่า 300 คน ในธีมการพัฒนาตัวเองฉบับมนุษย์เป็ด
ปีนี้ได้พูดเปิดงานเป็นคนแรก ในหัวข้อที่ชื่อว่า "Your Choices"
เป็นเนื้อหาที่เอามาจากคุณ Jim Kwik ผู้เขียนหนังสือชื่อ Limitless ที่มียอดขายหลายล้านเล่มทั่วโลก โดยหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับการพัฒนาตนเองโดยปลดลิมิตหรือข้อจำกัดของสมองที่เราเชื่อว่ามีอยู่ ด้วยหลักการ 3M หรือ Mindset, Motivation และ Method
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image.png)
และล่าสุด Jim Kwik ได้ออกหนังสือ Limitless 2nd Edition โดยเพิ่มเป็น 4M โดยเพิ่ม Momentum เข้าไปด้วย เนื้อหาในบทความนี้จะเป็นเรื่องที่ต่อยอดมาจากหนังสือเล่มนี้
Life is the "C" between "B" and "D"
คุณ Jim Kwik บอกว่าชีวิตของคนเราเปรียบเสมือนตัว "C" ที่อยู่ระหว่างตัว "B" และตัว "D" ตอนแรกที่ได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร เพราะท่องกันมาตั้งแต่เด็ก A B C D E F... แต่มาน่าสนใจตรงที่ว่า
B = Birth หรือการเกิด และ D = Death หรือความตาย
และ C นี่แหละคือ Choices
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-1.png)
ตัวเราในตอนนี้ คือ ผลลัพธ์ที่เกิดจากการเลือกทั้งหมดในอดีต
เช่น
- วันนี้จะกินอะไรดี
- ใช้เวลาทำอะไรดี
- ใช้เวลากับใครดี
- รับอะไรเข้าไปในสมองและจิตใจของเราดี
หลายคนคงเคยได้ยินวลีเด็ดที่ว่า "You are what you eat" ที่หมายถึงกินอะไรก็เป็นอย่างนั้น เช่น กินของทอดก็อ้วน กินของนอกบ้านที่ไม่สะอาดก็ท้องเสีย ดังนั้นเราอาจจะต้องมาตั้งสติในการเลือกสิ่งต่างๆ ให้ชีวิตเราดีขึ้นผ่าน 4 ทางเลือกนี้
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-2.png)
1. Doing Something MORE of.. ทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้มากกว่าที่เคย
คุณ Lucille Ball เคยกล่าวไว้ว่า
"The more you do, The more you can do"
แปลว่า ยิ่งคุณทำมากเท่าไหร่คุณยิ่งทำได้มากขึ้นเท่านั้น เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเรามาลองคิดไปด้วยกันดีกว่า
หากวันนี้เราทำอะไรสักอย่าง เก่งขึ้นวันละ 1% ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี หรือประมาณ 365 วัน ทุกคนจะนึกออกมั้ยว่าเราจะเก่งขึ้นกี่เท่า?
ถ้าคิดไม่ออกไม่เป็นไร ผมคิดมาให้แล้ว 5555 ลองดูภาพด้านล่าง
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-3.png)
ภาพนี้เป็นการเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างโดยเริ่มจาก 1% ในวันแรก พอเข้าวันที่สองก็เก่งขึ้น 1% ของวันแรก เท่ากับว่าเราสะสมความเก่งในเรื่องนี้ได้ 1.01% แล้วในวันที่สอง จากนั้นลองคำนวณยาวต่อไปแบบสะสมความเก่งวันละ 1% จนครบ 1 ปี
คำตอบที่ได้เป็นแบบนี้ครับ
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-4.png)
เมื่อถึงวันที่ 365 ความเก่งสะสมของเราจะอยู่ที่ 37.41% หากคิดแบบกลมๆ ก็จะเก่งขึ้นประมาณ 37 เท่า!
How to apply this?
- ทำให้บ่อยขึ้น (More of frequency)
- ทำให้มากขึ้น (More of duration)
เช่น
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-5.png)
2. Doing Something LESS of.. ทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้น้อยกว่าที่เคย
เชื่อว่าทุกคนทำหลายสิ่งที่ไม่ทำให้สิ่งเหล่านี้ดีขึ้น
- ชีวิต
- ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- สุขภาพจิตใจ
- ธุรกิจ
- การเงิน
Jim Kwik บอกว่า "เราแค่ต้องตัดทอนบางส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป"
How to apply this?
การนอนกลิ้ง
เชื่อว่าหลายคนมีปัญหานี้เหมือนกัน นาฬิกาปลุกแล้วแต่ไม่ยอมตื่นหรือตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลุกจากเตียง พฤติกรรมที่ตามมาด้วยมักเป็นการตั้งนาฬิกาปลุกถี่ๆ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตามมามีผลต่อสมองในเช้าวันนั้น
เนื่องจากการนอนทีละ 5-10 นาที ทำให้การนอนหลับของเราไม่ครบรอบและถูกปลุกมากลางคันส่งผลให้มีอาการมึนงงเพราะคุณภาพการนอนต่ำ วิธีแก้คือควรเริ่มจากการลดระยะเวลาในการนอนกลิ้งให้น้อยลง ค่อยๆ ลดทีละนิดเพื่อให้นิสัยนี้หายออกไปจากตัวเรา
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-6-1.png)
การดู Streaming
เชื่อว่ามีหลายคนประสบปัญหานี้ หรือคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็อาจเปิด Netflix หรือ Disney คู่ไปด้วย (ทำได้ยังไง เก่งมาก) อยากให้ทุกคนลองเริ่มจากการลดจำนวน Episode ที่ดูต่อรอบให้น้อยลง เช่น จาก 10 ตอนเหลือแค่ครั้งละ 5 ตอน
หรือ การลดจำนวนครั้งที่ดูต่อ 1 อาทิตย์ เช่น จาก 5 วัน เหลือแค่ 3 วัน พยายามลดไปเรื่อยๆ ทีละนิดละหน่อย เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนมีเวลาไปทำสิ่งที่มีประโยชน์มากขึ้นได้
การเล่น Social Media
Facebook, Instagram, Tiktok, X, Lemon เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานานแล้ว เพราะมนุษย์เราขึ้เสือกเรื่องชาวบ้านมากกว่าเรื่องตัวเอง แรกๆ เราก็เอาไว้ส่องคนนั้นคนนี้ หรือเขียน Post และอัพรูปต่างๆ
แต่ Platform เหล่านี้ต่างแย่งกันเพื่อต้องการ Air Time ของพวกเรา ผ่านวิธีการที่เรียกว่า Notification ทำให้พวกเราอยากเข้าไปเปิด App เพื่อเชคว่ามีอะไรเกิดขึ้นนะ เกี่ยวกับเราหรือเปล่า ถ้าไม่ดูอาจจะพลาดอะไรบางอย่างก็ได้
การทำสิ่งนี้น้อยลงจะช่วยให้เรากำจัดนิสัยที่ไม่ส่งเสริมให้สิ่งต่างๆ ในชีวิตของเราดีขึ้นออกไปจากตัวเราได้ เช่นเดียวกันกับเก่งขึ้นวันละ 1% แต่ทางเลือกนี้เราทำให้น้อยลงวันละ 1% ก็ยังดี
3. START Doing Something เริ่มทำสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยได้ทำ
เมื่อเราโตขึ้นการเริ่มทำสิ่งใหม่มักยากเสมอ ลองคิดย้อนกลับสมัยเราหัดเดินใหม่ๆ เอาจริงผมเองก็ลืมไปแล้วว่าเริ่มเดินยังไง แต่เห็นลูกของเพื่อนเดินก็สังเกตว่า เด็กไม่กลัวเลยที่จะเริ่มเดินแม้ว่าจะล้มแล้วล้มอีก บางครั้งล้มแล้วก็หัวไปกระแทกพื้นร้องไห้ออกมาก็มี แต่พอหายเจ็บก็กลับมาเดินอีก ถามว่าเรื่องนี้สะท้อนอะไร
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-7.png)
ยิ่งโตขึ้นเรายิ่งกลัวมากขึ้น คิดไปก่อนแล้วว่ามันมีโอกาส Fail แบบไหนได้บ้าง โดยพยายามเอาประสบการณ์ในอดีตของตัวเราเองที่ผิดพลาด หรือประสบการณ์ของคนอื่นที่ผิดพลาดมาบดบังความกล้าที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่
Martin Luther King Jr. เคยกล่าวไว้ว่า
You don’t have to see the entire staircase, just take that first step
เราไม่จำเป็นต้องเห็นหรือรู้ว่าบันไดมีทั้งหมดกี่ขั้นหรือมีความสูงขนาดไหน เราแค่เริ่มก้าวแรกให้ได้ ความหมายคือ ขอให้เราเริ่มก้าวแรกได้ ก้าวที่สองที่สามเราก็จะทำต่อไปได้เรื่อยๆ ที่สุดก็จะถึงเป้าหมายเอง
หลักการนี้ตรงกับที่ Jim Kwik บอกไว้ว่าให้เรา START Doing Something New ด้วยหลักการ 3S คือ Small Simple Step
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-8.png)
ค่อยๆ ทำทีละนิด อย่าตั้งเป้าหมายแรกเอาไว้สูงมากเกิน เพราะจะยิ่งทำให้สำเร็จยากขึ้น พูดแบบนี้อาจไม่เห็นภาพว่าการเริ่มทีละนิดต่างจากการเริ่มใหญ่ไปเลยยังไง ลองดูภาพด้านล่างน่าจะเข้าใจได้ 100% เลย
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-9.png)
How to apply this?
การออกกำลังกาย
ผมเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย แต่ว่าอยากลองดูว่าหลักการนี้จะใช้ได้จริงมั้ย เลยเลือกออกกำลังกายที่เหนื่อยน้อยที่สุดนั่นก็คือ การเดิน ผมเริ่มเดินวันละ 15 นาที คือมันดูง่ายและน่าจะไม่เหนื่อยมาก ผลลัพธ์ คือ อาทิตย์แรกเดินรวมกันได้ 45 นาที คือเดิน 3 วัน
อาทิตย์ที่สอง เดิน 3 วัน วันละ 30 นาที ได้เวลารวม 90 นาที และอาทิตย์ที่สาม เดิน 4 วัน วันละ 35 นาที ได้เวลารวม 140 นาที จะเห็นเลยว่าพอเรา Start Small Simple Steps เรามีโอกาสทำได้จริงมากกว่าเริ่มด้วยการตั้งเป้าว่า วันนี้ฉันจะเดิน 1 ชั่วโมง
การเรียนรู้
ยกตัวอย่าง การอ่านบทความ Data Analyst Career Guide ของ DataRockie ที่แนะนำว่าถ้าอยากเป็น Data Analyst ต้องมีทักษะอะไรบ้าง หนึ่งในนั้นคือทักษะ Spreadsheets
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-10.png)
ใน Datacamp มีสอนเรื่อง Microsoft Excel อยู่ โดยแบ่งเป็นหลายหัวข้อ ถ้าเราอยากเรียนให้จบเราควรแบ่งเรียนเป็นสัปดาห์ละหัวข้อ เพื่อเป็นการตั้งเป้าเล็กๆ ในแต่ละสัปดาห์จนสุดท้ายเราสามารถบรรลุเป้าหมายใหญ่ของเราได้ คือ การเรียนจบทั้งคอร์ส จะทำให้เรามีโอกาสเรียนคอร์สนี้จบมากกว่าตั้งเป้าว่าเรียนจบภายในวันเดียว
4. STOP Doing Something หยุดทำบางสิ่งที่กำลังทำอยู่
เราทุกคนสามารถทำให้สมอง, ร่างกาย และเงินในบัญชีของเราดีขึ้นด้วยการ หยุดทำบางสิ่งที่กำลังทำอยู่ เริ่มจากการทำความเข้าใจเรื่อง Good และ Great
ในหนังสือ Good to Great ของคุณ Jim Collins กล่าวไว้ว่า
"Say NO to Good, Say YES to Great"
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/MYXznXZxQFH9JEuMUJCJnNYSlJMcYvzLeMA1xpmb0CAsOIFNgSSTHVfoKX4TVB7NF-BGrBnxwvxUg4WGo_aQWf1zesC8jKCdwtYitzu_z_UABH9sBoBLgagNU1FxIf5P2bCZqO9lpGvMHD5tgHb_pfUlvA-s2048.png)
ให้เลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่ Good หรือ ดีกับตัวเราในระยะสั้นเห็นผลลัพธ์ในทันที แต่ให้เลือกทำสิ่งที่ Great หรือดีกับตัวเราในระยะยาวแต่ต้องใช้เวลา เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเรามักจะรอนานไม่ได้ ตัวอย่างเช่น
เรามีงบจำกัดในการซื้อหนังสือในเดือนนี้ มีทางเลือกให้ 2 ทาง คือ
- Good: ซื้อหนังสือนิยายที่ตามอ่านอยู่ เพื่อรู้เนื้อหาตอนต่อไป หากเราเลือกทางเลือกนี้เราจะเห็นผลทันที เราจะมีความสุขเมื่อได้อ่านนิยายเรื่องนี้ต่อ
- Great: ซื้อหนังสือหลักการบริหารการเงิน เพื่อศึกษาวิธีการจัดการเงินในอนาคต หากเราเลือกทางเลือกนี้ ในอนาคตสามารถวางแผนการเงินได้ดี เกษียณไว หรือมีโอกาสทำธุรกิจเอง แต่ต้องใช้เวลา
How to apply this?
- List สิ่งที่อยู่ใน Doing Something LESS of.. ทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้น้อยกว่าที่เคย
- จัดลำดับผลกระทบที่ได้รับจากการทำสิ่งที่อยู่ในข้อที่ 1 โดยเรียงจากมากไปน้อย
- STOP Doing Something จากลำดับที่เราจัดในข้อที่ 2
มาเริ่มกันเถอะ
เริ่มทำสิ่งใหม่ START Doing Something จากนั้นลองดูว่าสิ่งที่เราเริ่มทำนั้นส่งผลดีหรือส่งผลเสีย
- หากส่งผลดีเราจะพยายาม Doing Something MORE of ผลักให้กลายเป็นนิสัยที่ดีและติดตัวกับเราไปตลอด
- หากส่งผลเสียเราจะพยายาม Doing Something LESS of หลีกเลี่ยงให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นนิสัยติดตัว และ Stop Doing Something เพื่อกำจัดมันออกไปจากชีวิตเรา
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-11.png)
หากเพื่อนๆ ยังคิดไม่ออกว่าเราจะเริ่มยังไงดี วันนี้ผมมี List ของผู้ร่วมงาน Duck Con ทั้ง 300 กว่าคน ครบทั้ง 4 ทางเลือก มาให้ดูเป็นไอเดียเพื่อทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-12.png)
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-13.png)
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-14.png)
![](https://www.malonglearn.com/content/images/2024/02/image-15.png)
ถ้าชื่นชอบเนื้อหาในบทความนี้ สามารถกดสมัครสมาชิกและ Subscribe เพื่อรอรับเนื้อหาดีๆ ที่จะส่งตรงถึงเพื่อนๆ ในอีเมลได้ทันทีที่เขียนเสร็จ !! หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย :)
Member discussion